SECRET LABORATORY BY KANINTR

Jul 29, 2017

ฟิคลั่น ที่ไม่ได้ชื่อเรื่องว่าลั่น แต่หมายถึงเป็นฟิคที่ลั่นเขียนออกมาเมื่อนานมาแล้ว



นิ้วเรียวกดล็อกหน้าจอสมาร์ทโฟนในมือเมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังอยู่ด้านนอก ถึงแม้ในเวลานี้ บยอนแบคฮยอนจะอยู่ในอารมณ์ที่หงุดหงิดถึงขีดสุดจนอยากจะหยิบฟิกเกอร์วันพีซของใครบางคนที่เป็นเจ้าของมัน ปาอัดเข้ากำแพงให้ไอ้หัวเอสลูกรักพังยับไม่มีชิ้นดีก็ตาม แต่เขาก็เลือกที่จะหายใจเข้าลึก ๆ แทน ก่อนจะเดินออกไปนอกห้อง ทำทีท่าว่าไม่มีอะไร และพร้อมที่จะกินอาหารเย็นตามที่คยองซูตะโกนเรียกให้ออกไปกินได้แล้ว

เพราะวันนี้หอพักของเราอยู่กันครบทุกคนเลยดูวุ่นวายมากกว่าเดิม เสียงเอะอะโวยวายนั้นไม่ใช่ใคร น้องเล็กอย่างโอเซฮุนกำลังหยิบตุ๊กตาบนโซฟาหลายตัวปาอัดคนที่เพิ่งจะกลับมาคนสุดท้ายพร้อมทั้งส่งเสียงแซวไม่หยุดโดยมีลูกสมุนเป็นคิมจงอินอีกคน

ทุกคนต่างพากันหัวเราะเมื่อเมมเบอร์คนสุดท้ายที่กลับหออย่างปาร์คชานยอลเอาแต่ร้องโอ้ยและตอบโต้อะไรไอ้สองแสบไม่ได้ เจ้าตัวเอาแต่พูดว่าเขาผิดอะไร พอกลับมาก็โดนริลัคคุมะปาใส่หัวทั้ง ๆ ที่ยังไม่ทันจะได้ถอดรองเท้าเลยด้วยซ้ำ มันมาพร้อมกับสีหน้ายิ้มแซวจากทุกคนจนงงไปหมด แต่ก็ต้องร้องอ๋อ เมื่อรูปของฉากหนึ่งในละครที่ปิดกล้องไปไม่นานปรากฏอยู่บนหน้าจอไอแพดโปรของพี่ซูโฮ

“ร้ายนักนะมึง ไหนบอกว่าไม่มีฉากจูบไง” คิมจงแดพูดไปพลางจัดจานบนโต๊ะไปด้วย

ชานยอลกระแอมไอหนึ่งที  ใบหูที่เป็นเอกลักษณ์ขึ้นสีแดงเมื่อฉากจูบที่ทุกคนเอ่ยแซวมันมาเป็นคลิป แถมยังเป็นแบบดีพคิสชวนให้อับอายอีกระลอก “ก็ผู้กำกับบอกให้จูบก็ต้องจูบป้ะวะ กูขัดได้ที่ไหน”

“แหม เล่นสมจริงนักนะมึง”

“ทำไม มึงอิจฉาเหรอ”

พูดจบหมอนใบโตก็ถูกปามาอีกรอบ เขาหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะดันหัวไอ้เซฮุนออกไปจากสายตา เพราะไอ้เด็กนี่เอาแต่พูดว่าผมอิจฉา ๆ ไม่หยุดปาก มันเคยวิ่งมาบอกถึงในห้องว่าหนังจีนที่ได้เล่นมีฉากจูบด้วย แต่ดีใจไปได้แค่วันเดียวก็พบว่าไอ้ที่ต้องจูบด้วยน่ะคือแมวต่างหาก วันนั้นโอเซฮุนถึงกับล้มลงกลางห้องซ้อมเต้นโครมใหญ่

“กินข้าวก่อน เดี๋ยวเย็นหมด” สิ้นเสียงคยองซู ทุกคนก็กรูกันเข้ามานั่ง ก่อนจะจ้วงตักกับเข้าจานตัวเองแบบที่ไม่มีใครยอมใคร

เว้นไว้หนึ่งคน

“แบคฮยอน ทำไมกินน้อยจัง ไม่หิวหรอ”

คนตัวเล็กที่ถูกพี่มินซอกถามพยักหน้าเบา ๆ ปาร์คชานยอลหันไปมองคนข้าง ๆ ทั้งที่ข้าวยังเต็มปาก จะว่าไปตั้งแต่กลับมา เขายังไม่ได้ยินเสียงแบคฮยอนเลยสักประโยค ซึ่งมันผิดปกติเกินไปสำหรับคนที่พูดแบบไม่หายใจอย่างหมอนี่

“ผมอิ่มแล้ว ขอตัวเข้าห้องไปนั่งท่องบทก่อนนะ”

แล้วเจ้าตัวก็ลุกออกไปท่ามกลางสีหน้างุนงงของทุกคน

“มันคงไม่หิวจริง ๆ แหละ อะ กินต่อๆ” พี่ซูโฮพูดพลางหัวเราะแหะ ๆ

ปาร์คชานยอลขมวดคิ้ว แต่เขาก็ไม่ได้อยากจะสนใจคนที่ทำทีท่าบึ้งตึงใส่กันตั้งแต่กลับมาถึงหรอกนะ เป็นอะไรก็ไม่พูดดี ๆ เอาแต่ทำหน้านิ่งมองหน้ากันไม่พูดไม่จา ใครมันจะอยากไปคุยด้วย









ซะที่ไหนล่ะวะ!

“เป็นอะไร” เขาถามคนที่นั่งหันหลังให้กันในห้อง มือเล็กถือกระดาษที่คาดว่าน่าจะเป็นบทขององค์ชายสิบจากละครที่เจ้าตัวชอบเอามาอวดอยู่บ่อย ๆ หลังจากที่แบคฮยอนไม่ยอมกินข้าวกินปลา เดินดุ่ม ๆ เข้าห้องไปซะเฉย ๆ ปาร์คชานยอลก็รีบยัดข้าวเข้าปากไปอีกสองคำ ก่อนจะกุลีกุจอตามคนงอแงเข้ามาในห้อง

“ไม่หนิ”

มันเป็นคำตอบที่ชานยอลรู้ดีเลยล่ะว่าไอ้คำว่า ไม่หนิแท้จริงแล้วมันคือ เป็นอะไรโคตร ๆ เลยล่ะมึง ต่างหาก

“วันนี้อากาศดี ไปแม่น้ำฮันกัน เดี๋ยวเอามอไซค์ไป” ร่างสูงสะกิดไหล่ของคนที่หนีหน้าจึ้ก ๆ ก่อนจะพูดประโยคสิ้นคิดออกมาเพื่อหวังเพียงแค่แบคฮยอนอาจจะหันมาคุยด้วย

“ไม่เอา” แต่ก็ไม่สำเร็จ

“เอาเบ๊นซ์ออกไปก็ได้อะ” เขาว่าอีกครั้ง บางทีแบคฮยอนอาจจะอยากนั่งรถมากกว่าซ้อนเวสป้าในเวลากลางคืนเพราะกลัวเป็นอันตรายก็ได้

“ไม่” คนตัวเล็กยังคงนั่งนิ่ง ใบหน้าหวานก้มลงมองแต่แผ่นกระดาษที่ปรากฏบทขององค์ชายสิบของละครที่กำลังจะออนแอร์เท่านั้น

“งั้นเดี๋ยวพาไปกินไก่ทอดที่ชอบ” 

“ไม่ไป”

“วันก่อนบอกว่าอยากกินไอศกรีม

“ไม่กิน”

“แบคฮยอน” เสียงทุ้มอ่อนลงกว่าเดิม ก่อนที่มือหนาจะค่อย ๆ ปัดปรอยผมออกไปจากใบหน้าเรียวของคนที่เอาแต่ปฏิเสธ

“อะไร” ซึ่งเจ้าตัวก็เลื่อนใบหน้าหนีมือของเขาอีกตามเคย

“ตกลงเป็นอะไร”

“ก็ไม่ได้เป็นอะไรหนิ”

คนตัวสูงถอนหายใจก่อนจะเดินเข้าไปจับไหล่เล็กให้หันหน้ามาหากันตรง ๆ  แบคฮยอนไม่ได้ขืนตัวไว้ เมนว้อยซ์ของวงหันมาง่ายไม่ได้มีท่าทีขัดขืนเหมือนที่คิดไว้ บางที แบคฮยอนอาจจะไม่ได้เป็นอะไรอย่างที่พูดจริงๆ ก็ดะ

“ไปไกล ๆ เลยไอ้เหี้ย!

ยังคิดไม่ทันจบประโยค คนตัวเล็กก็มาพร้อมแรงถีบเข้าที่ท้องจนแทบทรุด ร่างสูงเอามือกุมท้องประกอบกับสีหน้าเหยเก ยังไม่ทันที่สมองจะประมวลผลว่าตนเองทำผิดอะไร แบคฮยอนก็ลุกขึ้นยืน ท้าวเอว ยืมคร่อมหัวกันเหมือนผู้คุมวิญญาณแห่งอัซคาบัน

“อย่ามาทำสำออยล้มตรงนี้ กูไม่ใช่นางเอกที่จะเข้าไปประคองมึงเหมือนในหนังนั่นหรอกนะ”

แล้วปาร์คชานยอลก็รู้ซึ้งถึงสาเหตุว่าทำไมวันนี้แบคฮยอนถึงอารมณ์ไม่ดี...มาก ๆ ด้วย

“นี่ เดี๋ยว” เขาเข้าไปจับมืออีกคนไว้  “ขอโทษที่ไม่ได้บอก” พร้อมทั้งเอ่ยเสียงเบา แต่ก็โดนสะบัดออกอย่างไม่ใยดีจนหน้าเจื่อน

“ไม่บอกกันวันที่เข้าไปดูหนังเลยล่ะว่าได้จูบกันด้วย เป็นไง สนุกเลยอะดิฉากนี้ เทคกี่รอบล่ะพอจะบอกกันได้ไหม”

“ก็..” ไม่คิดว่าจะได้จูบกันลึกซึ้งขนาดนั้น...

จริง ๆ แล้วชานยอลกะจะกลับมาบอกอีกคนวันนี้นี่แหละ แต่มันซวยตรงที่แบคฮยอนดันเห็นก่อน แล้วเขาก็รู้ดีว่าคนตัวเล็กไม่ชอบที่จะรู้อะไรทีหลัง ถ้ามีอะไร ก็ขอให้บอกกันก่อน

“คิดว่าจะรับไม่ได้ว่างั้น”

“ก็ประมาณนั้น” เขาว่าตามจริง เกิดบอกไปละแบคฮยอนโวยวายไม่ยอมให้เล่นจะทำยังไงล่ะ

“ฟังนะชานยอล นี่ก็มีเหตุผลป้ะวะ มันเป็นงาน ทำไมจะแยกแยะไม่ออก แค่บอกมาก่อนว่าเล่นอะไรบ้างแค่นี้เอง เห็นกูงี่เง่าขนาดนั้นเลยเหรอไง”

“ขอโทษ...”

“ออกไปเลย”

“ชานยอลขอโทษนะครับ นะ”

“ตอนนี้ยังไม่อยากฟัง โมโหอยู่ กูไม่มีอารมณ์นางเอกมาบอกว่า ไม่เป็นไรจ้ะชานยอล ฉันให้อภัยนายนะ จะไปจูบกับใครก็ไปเลย แลกลิ้นได้ ไม่ว่ากัน เราโอเค ไม่ต้องบอกเราหรอก เดี๋ยวเราไปเซอร์ไพรส์เอาในโรงก็ได้จ้ะ แบบนี้หรอกนะ”

            ร่างเล็กยังคงจีบปากจีบคอพูด แต่ใบหน้าเรียบนิ่งนั่นบอกได้ดีว่าแบคฮยอนกำลังโมโหอยู่จริง ๆ และเขาที่เป็นคนผิดก็คงจะต้องทำตามอย่างไม่มีเงื่อนไข

            “จะโมโหนานแค่ไหน”

            “ทั้งชีวิตมึงนั่นแหละ”

“โถ่ แบคฮยอนนา~” เจ้าของความผิดเอื้อมไปจับมือเรียวเล็กมากุมก่อนจะแกว่งไปมาเหมือนเด็กที่กำลังงอแงขอคุณแม่ซื้อขนม มันอาจจะน่ารักในสายตาของแฟนคลับ แต่ในสายตาของแฟนครับอย่างบยอนแบคฮยอนตอนนี้บอกได้เลยว่าเขาทั้งหงุดหงิด ทั้งโมโห ซึ่งก็จะไม่รู้จะจัดการกับอารณ์ของตัวเองยังไงดีเหมือนกัน ถึงความผิดมันจะเกิดเพราะชานยอลไม่ยอมบอกแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาเองก็ผิดเหมือนกันที่ไม่ควมคุมอารมณ์ตัวเองให้ดี

 ซึ่งก็ทำไม่ได้ไง

“2 ชั่วโมง” แบคฮยอนยื่นคำขาดพร้อมถอนหายใจ ไม่อยากจะหันไปมองหน้าไอ้พระเอกหนังที่เอาแต่อ้อนวอนกันทางสายตาไม่เลิก

“ชั่วโมงเดียวก็พอนะ”

“มึงยังจะมาต่อรองอารมณ์หงุดหงิดกูอีกหรอ สองชั่วโมงก็กูหยวน... หยวน...”

“หืม หยวนอะไร”

แบคฮยอนจิ๊ปากก่อนจะหยิบตุ๊กตาหมีตัวเล็กบนโต๊ะข้างมือปาเข้าไปเต็มหน้าของแฟน แม่งเอ้ย เขากำลังหงุดหงิดขั้นสุดเพราะลบรูปไอ้ฉากจูบแลกลิ้นนั้นออกไปไม่ได้ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่ามันเป็นงาน

แบคฮยอน นั่นงาน ท่องเอาไว้ว่ามัน เป็น งาน

แต่แม่มึงเอ้ย ใครมันจะไปทนได้ แถมไอ้ห่าชานยอลก็ไม่บอกสักคำว่ามีฉากจูบ พ่อมึงตายเถอะ แล้วนี่ยังจะมาย้ำว่าหยวน...

“เจ็บนะ ปามาได้ ก็แค่ถามว่าหยวนอะไรแค่เนี้ย เป็นอะไรอีกเนี่ย หยวนอะไร”

“หยวนซานซานมั้งไอ้สัด!

เขาตะโกนเต็มเสียงก่อนจะผลักอีกคนออกไปจากห้องแล้วปิดประตูดังปัง

            พอเผลอพูดคำว่าหยวนออกมามันก็อดนึกไปถึงชื่อนางเอกของมันไม่ได้ หยวนพ่อหยวนแม่มึงสิ แม่ง เล่นหนังอะไรเขาก็ไม่เคยจะเข้าไปห้าม ก็แค่บอกว่าถ้ามีอะไรก็บอกก่อน แบคฮยอนรู้ดีว่าหนังแบบนี้มันก็ต้องมีฉากกุ๊กกิ๊กพระเอกนางเอกอยู่แล้วแต่การที่ปาร์คชานยอลตอบมาเต็มคำว่าไม่มีฉากจูบแน่นอนให้ได้โล่งใจในวันแรกที่ได้รับบทมา ละที่เห็นรูปวันนี้ล่ะ เรียกว่าเอาปากชนปากแล้วแลบลิ้นออกมาเล่น ๆ เหรอ

            บางทีแบคฮยอนก็เสียใจนะ เสียใจที่ชานยอลไม่เคยเห็นว่าเขาก็เป็นคนมีเหตุผลเลยสักครั้ง

ปาร์คชานยอลจะรู้ไหมว่าแอนตี้แฟนตัวจริงของมันกำลังยืนโง่ตัวสั่นอยู่กับน้ำใสที่กำลังเอ่อขึ้นมาจากดวงตาจนเช็ดออกไปไม่หมดอยู่แบบนี้

.
.


“กูว่าแล้ว”

คนที่เพิ่งถูกตะเพิดออกมาหันไปมองหน้าเจ้าของประโยคอย่างคิมจงแด ก่อนจะถอนหายใจยาว

“ก็มึงไม่บอกมันก่อนล่ะว่ามีฉากแบบนี้อะ”

            “กูก็กะจะมาบอกวันนี้ไง”

            “แล้วมันทันไหมล่ะครับหยวนซานซาน”

            ปาร์คชานยอลนั่งซังกะตายอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ รายล้อมด้วยสมาชิกทุกคนที่ทำหน้าพร้อมที่จะเสือกกันอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะไอ้เซฮุนที่เอาแต่ถามว่าเกิดอะไรขึ้นอะพี่ ๆ ย้ำไปย้ำมาไม่เลิกจนต้องชูนิ้วกลางไปให้เป็นสัญญาณว่าอย่างแรกคือหุบปากมึงไปก่อนเลยน้องรัก

            “แปปเดียวก็คงหายโกรธ แบคฮยอนโกรธไม่นานหรอก” พี่อี้ชิงว่ามาแบบนั้น และชานยอลก็ภาวนาให้มันเป็นจริง

            “แต่เป็นผมก็คงโกรธมากนะ เพราะตอนแรกพี่ก็พูดเองว่าไม่มีฉากจูบ มีแค่ถึงเนื้อถึงตัวกันธรรมดา ยังไงพี่ก็ผิดอะ ไปบอกแบบนั้นก่อนเอง” โดคยองซูพยักหน้ารับเป็นการส่งเสริมว่าที่จงอินพูดน่ะมันถูก

            “ก็กูไม่อยากให้แบคฮยอนคิดมาก”

            “แล้วเป็นไงล่ะพี่ ไม่อยากให้คิดมาก”

            “...”

            เขาไม่ได้ฟังว่าคนอื่นพูดว่าอะไรกันบ้าง ในหัวตอนนี้มีแต่จะทำยังไงให้แบคฮยอนหายโกรธ ซึ่งมันก็เป็นปัญหาระดับชาติสำหรับคนผิดอย่างปาร์คชานยอลเหลือเกิน


.
.
.


            สองชั่วโมงผ่านไป คนตัวสูงที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวทั้งห้องกดหยุดตัวเลขที่กำลังเดินหน้าไปเรื่อย ๆ ในโทรศัพท์ ชานยอลลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะเดินไปเคาะประตูห้องนอนของตนเอง และเสียงอือที่ดังออกมาก็เป็นคำอนุญาตให้เปิดเข้าไปได้ (เขาคิดว่าแบบนั้น)

            แบคฮยอนนอนตะแคงหันหน้ามาทางนี้  ในมือเล็กยังคงถือแผ่ชีทบทละครของตัวเองอยู่ คนตัวเล็กเหลือบสายตาหันมามองหน้ากันเล็กน้อย ก่อนจะให้ความสนใจกระดาษในมือมากกว่าเขาที่ยืนหัวโด่ด้วยท่าทีเก้กังอย่างคนที่ไม่รู้จะต้องทำตัวยังไง

            “หายโมโหยัง” ชานยอลถามคนที่นอนอยู่บนเตียงเสียงเบา

            “ยัง”

            ร่างสูงพาตัวเองไปนั่งจุ้มปุ้กอยู่ข้าง ๆ การจับมือเล็กที่เขาชอบมากุมเอาไว้ก่อนจะประสานนิ้วเข้าไปทั้งห้าเป็นสิ่งแรกที่คนมีความผิดทำ

            “หายเถอะนะ”

            “อีกนิดนึง”

            ถึงแบคฮยอนจะบอกว่ายังไม่หายโกรธกัน แต่ก็ยังดีที่เมนว้อยซ์ของวงไม่ได้มีท่าทีบึ้งตึงเหมือนเมื่อสองชั่วโมงที่แล้ว เขาจึงไม่ลังเลที่จะกดจูบลงไปตรงขมับของคนที่เอาแต่สนใจกระดาษตรงหน้ามากกว่าแฟนที่มานั่งง้ออยู่อยู่ตรงนี้

            “งั้นจะนั่งรอจนกว่าจะหาย”

            “เหรอ งั้นได้นั่งรอทั้งชีวิตแน่ปาร์คชานยอล”

            คำตอบมาพร้อมกับการโดนแลบลิ้นใส่ แต่น่าแปลกที่ปาร์คชานยอลกลับยกยิ้มแทนเพราะเห็นว่าอีกคนอารมณ์ดีขึ้นแล้ว

“ทั้งชีวิตก็ยอมหน่า”
           




            เดี๋ยว... ทั้งชีวิตจริง ๆ หรอวะ

            “แบคฮยอน...” ชานยอลพูดเบา ๆ เมื่ออีกคนยังนอนท่อบทละครต่อมาร่วมชั่วโมงครึ่ง โดยทีเขานั่งหน้าโง่จับมืออยู่ข้าง ๆ ไม่ได้ขยับไปไหน

            บอกสิว่าล้อเล่น แฟนตัวเล็กคงไม่ใจดำขนาดให้นั่งอยู่แบบนี้ทั้งคืนหรอกนะ

            “นี่ สนใจกันหน่อย ไม่สงสารแฟนเลยเหรอ” เขาพูดพลางเอนตัวลงข้าง ๆ ก่อนจะจับไหล่อีกคนที่ไม่ยอมสนใจให้หันหน้าเข้าหากัน ในตอนนี้เราทั้งคู่ต่างมองหน้ากันเงียบ ๆ ซึ่งมันก็น่าแปลกที่ในความเงียบ ไม่ได้มีความอึดอัดเหมือนอย่างตอนที่เขาจะต้องเข้าฉากจูบกับคุณหยวนซานซานตามบทเลยสักนิด

            อยู่ ๆ แบคฮยอนก็ลุกขึ้นนั่ง คิดว่าคงจะอ่านบทละครจบแล้ว ชานยอลเลยได้แต่ลุกตามอีกคน แต่ยังไม่ทันที่จะถามอะไร เจ้าของเรือนผมที่มีกลิ่นแชมพูสตรอเบอร์รี่หอมอ่อน ๆ ก็ขยับเข้ามาใกล้จนหัวเล็กชนเข้ากับปลายคางของเขาเบา ๆ

            “นี่ ชานยอล”

            “ครับ?”

            “ฉันกับนางเอกของชานยอลน่ะ...” แบคฮยอนช้อนตาขึ้น มันเป็นจังหวะเดียวกับที่ในอกข้างซ้ายของเขาเต้นระส่ำเหมือนครั้งแรกที่เราอยู่ใกล้กันจนได้ยินเสียงลมหายใจของอีกฝ่ายชัดมากขนาดนี้

            และในตอนที่คนตัวเล็กตรงหน้าเอียงหัวมองกันด้วยใบหน้าน่ารักกับปลายผมที่ชี้ไปมาเล็กน้อยจากการนอน พูดต่อสั้น ๆ ว่า “ใครทำได้ดีกว่ากันเหรอ”  ริมฝีปากหนาก็กดจูบเข้ามาแทนคำตอบที่ต้องการทันที ซึ่งแบคฮยอนก็เงยหน้ารับพร้อมกับหลับตาลงอย่างรู้งาน องศาของใบหน้าเราทั้งคู่เอียงรับกันไปมาอย่างเป็นธรรมชาติเช่นเดียวกันเรียวลิ้นที่หยอกล้อกันเหมือนอย่างทุกครั้ง

            พอคนตัวเล็กหายโกรธ สรรพนามหวานหูก็ถูกกลับมาใช้เหมือนเคย และปาร์คชานยอลก็รู้สึกดีมากกว่าการถูกเรียกชื่อว่า มึง และมีคำว่า ไอ้เหี้ย เป็นสกุลรั้งท้ายเป็นไหน ๆ

            มือใหญ่รั้งคอให้เข้าไปแนบชิดกันมากขึ้น มืออีกข้างยังคงทำหน้าที่ลูบไปมาเบา ๆ ที่คอของเขาอยู่ไม่ห่าง ลมหายใจร้อนและถี่เร็วที่กำลังรดอยู่ข้างแก้มบอกได้ดีว่าในตอนนี้ปาร์คชานยอลคงไม่ได้อยากจะบอกแค่คำตอบเดียวว่าใครกันที่พ่อพระเอกให้เป็นที่หนึ่งในเรื่องของการจูบ

            แบคฮยอนร้องอื้ออึงเล็กน้อยบอกให้คนที่เอาแต่ลิดรอนลมหายใจไม่พักหยุดก่อน คนตัวเล็กหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะแลบลิ้นเลียที่ริมฝีปากล่างของตัวเองเบา ๆ เพราะรู้สึกเจ็บนิด ๆ

            พูดไปเป็นร้อยครั้งว่าอย่าทำ แต่ปาร์คชานยอลก็ยังคงกัดริมฝีปากของเขาทั้งบนทั้งล่างอยู่ดีด้วยเหตุที่ว่ามันเขี้ยว และจบลงที่การจูบตรงรอยหยักระหว่างจมูกเล็กกับปากกระจับทุกครั้งเหมือนอย่างตอนนี้

            “ใครให้ถามคำถามที่รู้คำตอบอยู่แล้วกันครับ หืม” อีกคนพูดคลออยู่ข้างใบหู ในขณะที่มือหนาทำการล้วงเข้ามาในเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ ก่อนจะปลดตะขอกางเกงขาสั้นของเขาออกโดยที่ไม่ได้ขออนุญาต

            แต่แบคฮยอนก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากเอียงคอให้แฟนตัวสูงซุกไซร้ และช่วยเอื้อมมือไปถอดกางเกงวอร์มสีดำแถบสีขาวสามขีดที่ซื้อมาคู่กันออก ร่างสูงกระถดตัวไปนั่งติดหัวเตียง มองคนตัวเล็กที่คลานตามมาก่อนจะรั้งอันเดอร์แวร์สีดำของเขาออกจนความต้องการที่มีดีดผึงออกมาชี้หน้า แบคฮยอนใช้นิ้วชี้กรีดแท่งร้อนตรงหน้าเบา ๆ ตั้งแต่โคนจรดปลายจนมันขยายใหญ่ขึ้นท่ามกลางเสียงสูดปากทุ้มต่ำของแฟนตัวสูง

            “เห็นเซฮุนบอกว่าถ่ายฉากจูบแค่เทคเดียวเองเหรอ” คนตัวเล็กเบะปาก “แหม เก่งเหลือเกินนะ” ก่อนจะกดไปที่ปลายหยักแรง ๆ หนึ่งทีจนพระเอกตรงหน้าตัวกระตุก

            “แฟนนายเก่งไปหมดทุกอย่างอยู่แล้ว ไม่รู้หรือไง อ่าห์...” เสียงครางต่ำบอกได้ถึงความพอใจในสิ่งที่แฟนตัวเล็กกำลังทำให้กัน ชานยอลเอื้อมมือไปปัดผมหน้าม้าสีคาราเมลของคนตรงหว่างขาออก และเขาก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อแบคฮยอนพยายามเอียงคอ เงยหน้า ทั้งยังเชิดคอขึ้นเพื่อให้เห็นใบหน้าหวานได้ชัด ๆ ในขณะที่กำลังทำเรื่องทะลึ่งกันอยู่

            ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าการเห็นแบคฮยอนในมุมนี้เพียงคนเดียวมันยิ่งทำให้ชานยอลเสพติดคนตัวเล็กนี้มากแค่ไหน เมนว๊อยซ์ของวงไม่ได้เก่งแค่เรื่องร้องเพลงหรือเต้น แต่สิ่งที่เก่งที่สุดคงจะเป็นการปั่นประสาทกันซะมากกว่า

            “นี่เก่งเหรอ ไม่เห็นจะเท่าไหร่” รอยยิ้มมุมปากถูกส่งไปให้ร่างสูงตรงหน้า แบคฮยอนละริมฝีปากออกมาจากแกนกายใหญ่ในมือ ก่อนจะซบแก้มเข้าที่หน้าขาแกร่ง น้ำสีใสยืดติดออกมาเป็นทางยาว มันผสมเข้ากับน้ำสีขาวขุ่นของชานยอลที่เริ่มจะปริ่มออกมาจากส่วนปลายเพียงแค่ลงลิ้นไปไม่ถึงสามนาทีด้วยซ้ำ “ฉันไม่คิดว่างั้นนะ”

            “หึหึ” ชานยอลหัวเราะเสียงต่ำให้กับรอยยิ้มที่แสนจะเย่อหยิ่งของแบคฮยอน ที่กำลังดูถูกกันทางสายตาว่าปาร์คชานยอลมันอ่อนแค่ไหนที่ปล่อยให้น้ำในตัวหลุดรอดออกมาได้ภายในเวลาแค่นี้  เขากล้าพูดเลยว่าตัวเองอึดพอดู แต่เพราะนี่คือลิ้นของแบคฮยอน น้ำในตัวมันเลยแตกง่ายไม่ต่างจากสติเท่าไหร่ ยิ่งช่วงนี้ไม่ค่อยทำเรื่องอย่างว่ากันด้วย แล้วใครมันจะไปทนปากจิ้มลิ้มสีชมพูนั่นไหว “นี่เพิ่งจะเริ่มเอง ตัดสินกันแล้วเหรอ”

            “ก็พูดตามที่ตาเห็น”

            “พรุ่งนี้อยากไปถ่ายละครไม่ไหวหรือไง”

            “อ๋า~ กลัวจัง” แบคฮยอนหัวเราะเมื่อถูกกัดเข้าที่หลังคอเบา ๆ จนขนลุกซู่ ชานยอลคว้าตัวเขาลงไปนอนและกลายเป็นร่างสูงเองที่คร่อมกันไว้ด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์

            แต่ใครจะยอมให้ถูกเอาเปรียบล่ะ

แบคฮยอนดันใบหน้าคมออกไปจากซอกคอพลางกระถดตัวไปพิงที่หัวเตียงโดยที่ไม่ได้ละสายตาไปจากร่างสูงตรงหน้า ก่อนจะค่อย ๆ นั่งชันขาที่มีแค่กางเกงขาสั้นคาอยู่ตรงข้อเท้าซ้าย และอ้ามันออกช้า ๆ ไปพร้อม ๆ กับการยกนิ้วกลางของตัวเองขึ้นมาดูดเบา ๆ

            “พรุ่งนี้ฉันอยากไปถ่ายละครไม่ไหว ถ้าเก่งจริงอย่างที่พูด ก็พิสูจน์สิว่าไม่ได้มีดีแค่ปากอย่างเดียว ปาร์คชานยอล”

คนตัวเล็กอมยิ้มเมื่อเห็นว่าแร็พเปอร์ของวงกลืนน้ำลายดังอึก

เอาล่ะ... ถึงเวลาของการไถ่โทษแล้ว พ่อพระเอก~



(ว้าย จบแร้ว เซอร์พร๊ายส์ ไม่มีคัท ว้าย)
#บีคเกอร์โปรเจค
___________



อันนี้เป็นฟิคสั้น ๆ ที่เคยแต่งเมื่อนานมาก ๆ มาแล้ว ตั้งแต่ตอนที่พี่ชานยอลมีรูปฉากจูบหลุดออกมาให้สะเทือนหัวใจเมีย และด้วยความชอกช้ำ ชั้นเลยเอามาลงกับฟิคแทน 555555555555 มันเป็นฟิคลั่นที่ไม่มีโครงเรื่องและจบแบบงง ๆ ไปหน่อย แต่ก็อยากเอามาลงเผื่อใครจะหลงเข้ามาอ่านแล้วอาจจะชอบ

ใครใจดีก็ติดแท็กให้กันได้ที่ #บีคเกอร์โปรเจค หน่อยเนอะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านด้วยนะคะ
-อิน-